Advertisment

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ยักษ์ “แอปเปิล” สร้างสถิติใหม่ ความสำเร็จที่มาพร้อมความคาดหวัง


ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน หลังยักษ์ “แอปเปิล” โชว์ผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ที่ผ่านมา

นับเป็นครั้งแรกหลังการจากไปของ “สตีฟ จ็อบส์” ซึ่งไม่เพียงไม่น่าผิดหวังแม้แต่นิดเดียว แต่ได้สร้างสถิติใหม่ทั้งในแง่ยอดขายและผลกำไร

ในทางกลับกันความสำเร็จชนิดถล่มทลายเช่นกันอาจเป็นบ่วงรัดคอ “แอปเปิล” ในการต้องดิ้นรนหาทางเติบโตให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งดูจะยากขึ้นเรื่อย ๆ

“เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล” รายงานว่า ผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายปี 2554 ของแอปเปิลทำให้กลายเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่ทำกำไรสูงที่สุด

โดยมีผลกำไรสุทธิ 13,100 ล้านเหรียญสหรัฐ มีรายได้รวม 46,300 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ยังน้อยกว่าบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐอย่าง “เอ็กซ์ซอนโมบิล คอร์ป” ที่เคยทำกำไรได้ถึง 14,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 3 ปี 2551 แต่ตอนนั้น “เอ็กซ์ซอนฯ” ทำรายได้รวมถึง 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายได้รวมของแอปเปิลแค่ 46,300 ล้านเหรียญสหรัฐ

ผู้บริหาร “แอปเปิล” ยังกล่าวด้วยว่า ผลประกอบการอาจสูงขึ้นยิ่งกว่า หากบริษัทผลิต “ไอโฟน” ออกมาได้เพียงพอกับความต้องการของตลาด โดยยอด รายได้รวมของแอปเปิลในไตรมาส 4 ปี 2554 โตขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งมีประมาณ 26,700 ล้านเหรียญสหรัฐถึง 73% ผลกำไรเพิ่มเป็นเท่าตัว เป็น 13.87 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น เพิ่มจาก 6.43 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

เรียกว่า ทำได้ดีเกินกว่าที่นักวิเคราะห์ทั้งหลายเคยคาดการณ์ไว้พอสมควร

“นักวิเคราะห์” คาดการณ์ว่า แอปเปิลน่าจะทำกำไรในไตรมาส 4 ประมาณ 9,600 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งผลงานที่ทำได้ดีมากในครั้งนี้ทำให้ความคาดหวังยิ่งสูงขึ้น

การเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาจากยอดขายอันโดดเด่นของ “ไอโฟน” ที่ทำได้ถึง 37 ล้านเครื่อง (ในไตรมาสเดียว) ไอแพด 15.4 ล้านเครื่อง ทั้งหมดช่วยฉุดรายได้ของบริษัทให้ดีขึ้นหลังจากในไตรมาส 3 ยอดขาย “ไอโฟน” ไม่เป็นไปตามเป้า เพราะผู้บริโภคชะลอซื้อเพื่อรอรุ่นใหม่ (ไอโฟน 4 เอส)

ในเวลานั้น “ทิม คุก” ซีอีโอแอปเปิลออกมาคาดการณ์ว่า บริษัทจะทำลายสถิติการขายในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งมีช่วงหยุดยาวท้ายปี และแอปเปิลก็ทำได้ตามนั้นจริง ๆ ทั้งจากปัจจัยการเปิดตัวไอโฟน 4 เอส และการที่บริษัทผู้ให้บริการสปรินต์ เน็กเทล คอร์ป ยอมจำหน่ายไอโฟนเป็นครั้งแรก

อีกปัจจัยคือ แอปเปิลได้ประโยชน์จากตลาดที่กำลังเติบโตโดยเฉพาะในตลาดแท็บเลต บริษัทวิจัยฟอเรสเตอร์ รีเสิร์ช รายงานว่า ผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของ “แท็บเลต” เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เฉพาะช่วงวันหยุดท้ายปีที่ผ่านมา เพิ่มจาก 10% เป็น 19% ระหว่างกลางเดือน ธ.ค.- ต้นเดือน ม.ค.

“แอปเปิล” ยังกินส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้ายปี 2554

จากผลสำรวจจากบริษัทวิจัย”เนลสัน” ระบุว่า ในช่วงปิดไตรมาสมีผู้บริโภคซื้อสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เป็นสัดส่วนประมาณ 46.9% ขณะที่ซื้อไอโฟนเป็นสัดส่วน 44.5% เพิ่มจากผลสำรวจเดือน ต.ค.ที่ระบุว่า ซื้อสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ 61.6% และไอโฟน 25.1%

“ทิม คุก” ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ไอโฟนทำยอดขายได้ดีในอเมริกา, ญี่ปุ่น และจีน ส่วนยอดขาย “ไอแพด” เพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันปี 2553 เป็นเท่าตัว แม้จะมีคู่แข่งที่มีราคา “ถูกกว่า” อย่าง “คินเดิลไฟร์” ค่ายอะเมซอนออกวางตลาดในช่วงวันหยุดยาวสิ้นปีเช่นเดียวกัน

“ทิม คุก” แสดงความเห็นว่า ไอแพดได้รับผลกระทบจากคินเดิลไฟร์น้อยมาก ทั้งยอดขาย “ไอแพด” ยังเริ่มไปกินส่วนแบ่งตลาดของเครื่องแมค ต่อจากนี้คงเข้าไปกินส่วนแบ่งในตลาดวินโดวส์พีซีด้วยเช่นกัน

บริษัทยังได้ประโยชน์จากการลดราคาต้นทุนอุปกรณ์ ทำให้เห็นว่า สายการผลิตของบริษัทเป็นจุดแข็งที่ ทำให้แอปเปิลเหนือกว่าคู่แข่ง

“ซีอีโอ” แอปเปิลเสริมอีกว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผลกำไรเบื้องต้นของบริษัทในไตรมาส 4 เพิ่มเป็น 44.7% จาก 38.5% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เพราะต้นทุนชิ้นส่วนของบริษัทลดลงอย่างมาก

“บิล เครเฮอร์” นักวิเคราะห์จาก “เอ็ดวาร์ด โจนส์” กล่าวว่า สาเหตุที่ การลดต้นทุนชิ้นส่วนทำประโยชน์ให้แอปเปิลมากกว่าบริษัทไอทีอื่น เพราะจำนวนทุนของแอปเปิลทำให้บริษัทสั่งผลิตในปริมาณมากกว่ารายอื่นได้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์หลายตัวของแอปเปิลยังใช้ชิ้นส่วนแบบเดียวกันด้วย

ผลประกอบการในไตรมาส 4 ของ “แอปเปิล” ยังชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีคู่แข่งหลายรายกระโดดเข้ามาแข่งในตลาดแท็บเลต, โทรศัพท์มือถือ และบริการสื่อต่าง ๆ แต่แอปเปิลก็ยังกันส่วนแบ่งการตลาดของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง

“ปีเตอร์ ออปเพนไฮเมอร์” หัวหน้าฝ่ายการเงินของแอปเปิลให้สัมภาษณ์ว่า “ความต้องการซื้อไอโฟนและไอแพดพุ่งสูงทะลุเพดานในไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องดิ้นรนหาทางเพื่อให้โทรศัพท์ของตนเพียงพอกับความต้องการตลาด ซึ่งในช่วงสิ้นสุดไตรมาส บริษัทได้สำรองสินค้าไอโฟนไว้เป็นจำนวนมาก”

ภาระของแอปเปิลต่อจากนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะยังเติบโตในระดับสูงติดเพดานบินต่อไปได้

“นักลงทุน” บางรายมีความเห็นว่า แอปเปิลคงต้องหาทางบุกตลาดใหม่ ๆ เพื่อคงอัตราการเติบโต โดยขณะนี้ บริษัทน่าจะจับตาตลาดโทรทัศน์ทั้งคนในวงการยังคาดว่า แอปเปิลจะออกไอแพดรุ่นใหม่ภายในปี 2555 ด้วย

“ปีเตอร์ ออปเพนไฮเมอร์” กล่าวว่า บริษัทกำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะทำอย่างไรกับจำนวนเงินที่อยู่ในมือแอปเปิลขณะนี้ โดยบอกใบ้ว่า แอปเปิลน่าจะมีแผนลงทุนด้านสายการผลิตหรือการเข้าซื้อบริษัทอื่น

ผลประกอบการของ “แอปเปิล”ยังทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดไอทีชัดเจนขึ้นด้วย

ปลายเดือน ม.ค. 2 ซีอีโอ ผู้ก่อตั้ง “รีเสิร์ช อิน โมชั่น” (ริม) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบล็คเบอร์รี่ได้ก้าวลงจากตำแหน่ง เนื่องจากแบล็คเบอร์รี่สูญเสียส่วนแบ่งให้ไอโฟนต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี

อีกเหตุการณ์คือ กรณี “โมโตโรล่า โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง” ยินยอมขายบริษัทให้ “กูเกิล” เมื่อปีที่แล้ว ซอฟต์แวร์ แอนดรอยด์ของกูเกิลถือเป็นหนึ่งในศัตรูสำคัญของแอปเปิล

อย่างไรก็ตาม “แอปเปิล” ไม่มีความกังวลว่า อัตราการเติบโตที่สูงติดต่อกันของบริษัทจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน โดยยังตั้งเป้าคาดการณ์ผลประกอบการอย่างระมัดระวังในไตรมาส 2 ของ ปีงบประมาณบริษัทหรือตรงกับ ไตรมาสแรกของปี 2555 บริษัทคาดว่า กำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 8.50 เหรียญสหรัฐ มีรายได้รวม 32,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า แอปเปิลจะมีกำไรต่อหุ้น 8.04 เหรียญสหรัฐ และมีรายได้รวม 32,100 ล้านเหรียญสหรัฐ

[ที่มา www.prachachat.net]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น