
ไอซีทีตอบรับกระแสเทคโนโลยีโลกถึงจุดเปลี่ยน-อาชญากรเปลี่ยนพื้นที่รบสู่สมรภูมิไซเบอร์ ผนึกหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ระดมสมองทำแผนป้องภัยคุกคาม
ไอซีที ตอบรับกระแสเทคโนโลยีโลกถึงจุดเปลี่ยน-อาชญากรเปลี่ยนพื้นที่รบสู่สมรภูมิไซเบอร์ ผนึกหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ประเดิมระดมสมองจัดทำร่างกรอบนโยบายป้องกันภัยคุกคามฯ ประเมินไทยต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมแต่ยังไม่สาย คาดกระบวนการแรกจะแล้วเสร็จใน 3 เดือน ไม่เกินสิ้นปีชงเข้าครม.ได้
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวว่า กระทรวง ไอซีที มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์(สพธอ.) จัดทำร่างกรอบนโยบายเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์สานแผนผลักดันการจัดทำแผนแม่บทการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พร้อมอุดช่องโหว่ภัยคุกคามที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน สิทธิส่วนบุคคล รวมทั้งกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้เนื่องมาจากปัจจุบันอาชญากรได้เปลี่ยนพื้นที่การรบบนถนนไปสู่โลกไซเบอร์มากขึ้น โดยข้อมูลระบุว่าประเทศไทยภัยคุกคามที่พบมากที่สุดคือการละเมิดข้อมูลซึ่งครอบคลุมไปทั้งส่วนของการท่องเที่ยวและโรงแรม กลุ่มค้าปลีก การเงิน และหน่วยงานภาครัฐ
ล่าสุดเปิดเวทีระดมสมองให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน กลาโหม หน่วยงานด้านความมั่นคง และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีโอกาสเข้ามาร่วมแสดงความเห็นและแบ่งหน้าที่กันชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมเป็นครั้งแรก เชื่อว่าถ้าไม่มีก้าวแรกคงไม่มีก้าวต่อไป ทุกอย่างยังไม่สายเกินไป
เขาระบุด้วยว่าเมื่อร่างกรอบนโยบายฯ ดังกล่าวแล้วเสร็จภายใน 3 เดือนตามเป้าและมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องแล้ว สพธอ.จะเป็นแม่งานทำหน้าที่นำร่างกรอบที่ผ่านการพิจารณามาพัฒนาให้เป็นแผนแม่บทความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เพื่อนำไปสู่การประชาพิจารณ์ และนำความเห็นมาแก้ไขเป็นแผนแม่บทฉบับสมบูรณ์เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติภายในสิ้นปี 2555
อย่างไรก็ดีเร็วๆ นี้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำร่างและแผนแม่บทดังกล่าวโดยกำลังพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมภายใต้ตัวเลือกระหว่างแต่งตั้งใหม่ทั้งหมด หรือโยกย้ายบุคคลากรที่มีอยู่เข้ามาช่วยงาน
ด้านนายปริญญา หอมอเนก ประธานและผู้ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และความปลอดภัยข้อมูล กล่าวว่า การเริ่มต้นครั้งนี้ถือว่าเป็นเวลาที่ดีและถูกต้อง แต่ทั้งนี้ควรมีผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศเข้ามาร่วมเป็นมดงานด้วย โดยภาครัฐควรเร่งดำเนินการและต้องทำให้ดีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
น.อ.อนุดิษฐ์ ชี้แจงกรณีนางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งดีเอสไอดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินคดีต่อเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า เป็นเรื่องเท็จและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบได้ ขั้นตอนขณะนี้ได้พิจารณา และส่งเรื่องให้ฝ่ายกฎหมายไปแล้ว คาดว่าอีก 2 วัน ทุกอย่างจะแล้วเสร็จ ขอยืนยันว่าจะฟ้องกลับแน่นอน
“การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเป็นเรื่องดี แต่ต้องทำอย่างถูกต้อง มิเช่นนั้นจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด และกระทบต่อการทำงานของข้าราชการประจำ คุณมัลลิกาต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง”
พร้อมระบุว่า ทางเทคนิคทั้งกองทัพและทุกๆ ฝ่ายต่างทำงานตามหน้าที่ของตนเอง การออกมาพูดลักษณะนี้จึงเหมือนการดูถูก ให้ร้าย และสร้างความเข้าใจผิด อย่างที่บอกเสมอว่าทำเพื่ออะไร เพื่อจุดประเด็นทางทางการเมืองใช่หรือไม่ เรื่องนี้ขอให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตรวจสอบ
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาการดำเนินงานของคณะกรรมการ(บอร์ด) ซิป้า น.อ.อนุดิษฐ์ เผยว่า ภายในสัปดาห์นี้จะต้องมีความชัดเจนออกมาให้เห็น หากตรวจสอบพบว่าบอร์ดทำงานหย่อนประสิทธิภาพจริง วันอังคารหน้าที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีจะขอมติถอดถอนออก
ขณะเดียวกันเรื่องการแต่งตั้งผู้อำนวยการที่ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญที่สุดขององค์กรซึ่งล่าช้าไปมากจะต้องถูกนำมาพิจารณาร่วมกันด้วย เพื่อดูว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
“หน่วยงานในสังกัดต้องทำงานตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ที่ผ่านมาผลงานของซิป้ายังไม่น่าพอใจนัก แต่เราต้องทำอย่างรอบคอบและระมัดระวังมากที่สุด” รมว.ไอซีทีกล่าว
[ที่มา www.bangkokbiznews.com]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น