Advertisment

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

4G มาแล้ว 3G ใหม่ยังไม่มี ปมสัมปทานระเบิดเวลา กสทช.


ดูดีไม่ใช่เล่นกับการเปิดทดสอบบริการ 4G ในเมืองไทย ที่ตั้งใจให้สปีดเร็วจี๊ดถึง 100 Mbps นำร่องโดย “ดีพีซี-เอไอเอส” โดยการสนับสนุนของ “กสทช., กระทรวงไอซีที” และคู่สัมปทานทั้ง “กสท โทรคมนาคม และทีโอที”

แม้ 2G คุณภาพจะตกต่ำอย่างน่าห่วง ขณะที่ 3G ก็เพิ่งเริ่มตั้งไข่บนคลื่นเดิมอีกต่างหาก

จะตั้งใจจริงหรือแค่ดึงมาโยงกันก็แล้วแต่ อีกคำอธิบายที่มาที่ไปโปรเจ็กต์นี้บอกว่า เพื่อตอบรับนโยบาย “Smart Thailand” ของภาครัฐ

“วิเชียร เมฆตระการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) บอกว่า 4G เป็นทางเลือกที่ดี แต่ไม่ใช่มาแทน 3G

“การประมูลคลื่น 3 จี ความถี่ 2.1 MHz ยังสำคัญที่สุด หากการประมูลเสร็จสิ้น ผู้ให้บริการ และผู้บริโภคสามารถใช้ 3 จีได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น”

ความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้เกิดบรอดแบนด์ความเร็วสูงมาตรฐาน 4G หรือ Long Term Evolution-LTE โดย “เอไอเอส” ร่วมกับทีโอที ทดสอบระบบในกรุงเทพฯ (บริเวณถนนพระรามที่ 1) ตั้งแต่หน้ามาบุญครองถึงเซ็นทรัลเวิลด์ รวมถึงบริเวณแจ้งวัฒนะในพื้นที่กระทรวงไอซีที ศูนย์ราชการ และสำนักงานทีโอที

ใช้ย่านความถี่ 2300 MHz แบบ Time Division Duplex (TDD) ที่แบนด์วิดท์ 20 MHz จะทดสอบการให้บริการบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูง (BWA) มีสถานีฐานทั้งหมด 20 แห่ง

ฟากบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด หรือดีพีซี ร่วมมือกับ บมจ.กสท โทรคมนาคม ทดสอบระบบ 4G ในจังหวัดมหาสารคาม บริเวณมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ใช้ความถี่ 1800 MHz แบบ Frequency Division Duplex (FDD) ที่แบนด์วิดท์ 10 MHz มีสถานีฐานทั้งหมด 8 แห่ง

ทั้ง 2 พื้นที่ใช้แอร์การ์ด 4 จี ในการรับส่งสัญญาณ เพื่อใช้ทดสอบความเร็วการใช้ดาต้าและอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงถึง 100 Mbps

ความเร็วมากกว่า 3 จีถึง 7 เท่า

“เทคโนโลยี TDD และ FDD มีข้อแตกต่างกันคือ TDD จะใช้ความถี่เดียวกันในการอัพลิงก์และดาวน์ลิงก์ ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นในการจัดการความถี่มากกว่า ส่วน FDD ใช้สองความถี่แยกกันในการอัพลิงก์และดาวน์ลิงก์ เหตุผลที่ต้องทดสอบทั้งสองเทคโนโลยีเพื่อเลือกว่าเทคโนโลยีใดคุ้มค่าต่อการลงทุน รวมถึงเรื่องประสิทธิภาพด้วย”

การทดสอบครั้งนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ

บิ๊ก “เอไอเอส” กล่าวเพิ่มเติมว่า อุปกรณ์ในการรับส่งสัญญาณได้รับการสนับสนุนจากพาร์ตเนอร์คือ Cisco, Huawei และ Nokia-Siemens Network โดยมีระยะเวลาทดสอบ 3 เดือน แต่ได้ทำเรื่องขอ กสทช.ขอต่อเวลาไปเป็น 6 เดือน

ระบบใหม่ก็ทดสอบไป แต่ระบบเก่าทำไปมีปัญหาเรื่องคุณภาพบริการหนักหนาขึ้น ผู้บริหารเอไอเอสบอกว่า การขยายระบบให้ดีขึ้นย่อมส่งผลให้เกิดปัญหาในบางเรื่องได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละองค์กรว่าจะแก้ไขอย่างไร

ถึงจะได้สิทธิ์ทดสอบบริการ 4G (ย้ำว่า ทดสอบ) แล้วยังต้องการให้มีการประมูลใบอนุญาต 3G คลื่นใหม่ 2.1 GHz โดยเร็ว เพราะไหนคลื่นที่มีจะเหลือจำกัดจำเขี่ย ไหนสัมปทานในมือยังจ่อคิวรอหมดอายุในอีกไม่กี่อึดใจ

“ทิศทางของเอไอเอสชัดเจนว่ามุ่งเข้าประมูลใบอนุญาต 3G จาก กสทช.แน่นอน ณ เวลานี้ยังเชื่อมั่นว่าการประมูล 3G จะเกิดขึ้นได้ตามที่ กสทช.ตั้งเป้าไว้ เพราะ กสทช.พยายามปิดช่องโหว่ที่จะมาจากทาง กสทช.ได้แล้ว เหลือแต่ทางผู้ประกอบการที่จะหาเรื่องมาฟ้องกัน เช่น เรื่องผู้ถือหุ้น

ต่างชาติ ซึ่งเอไอเอสได้แจ้งผู้ถือหุ้นและบริษัทแม่ให้ทราบแล้ว เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องไปจัดการปิดช่องโหว่ ตอนนี้เงินลงทุนพร้อมแล้ว ขอแค่รู้ว่าจะประมูลเมื่อไร หวังว่าจะไม่ช้าไปกว่าปีนี้ เพราะคงรับไม่ได้ถ้าเลื่อนอีกไม่มีเหตุผล” บิ๊กเอไอเอสย้ำอีกครั้ง

นอกจากการเร่งเปิดประมูลใบอนุญาต 3G แล้ว “กสทช.” ยังต้องตัดสินใจด้วยว่า จะทำอย่างไรกับคลื่นเดิมที่กำลังจะหมดอายุในปีหน้า (2556) ของทั้งดีพีซีและทรูมูฟ

“พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ” ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า ความถี่ที่เหมาะสมกับเทคโนโลยี 4G คือ 1800 MHz, 2300 MHz และ 2500-2600 MHz ซึ่งหน่วยงานรัฐถือสิทธิ์ใช้งานเกือบทั้งหมด ขณะที่ความถี่ 1800 MHz ที่ดีพีซีและทรูมูฟใช้อยู่และกำลังจะหมดสัมปทานมีความถี่กว้างเพียง 12.5 Mb และไม่ได้อยู่ติดกัน มีย่านที่ดีแทคใช้งานคั่นกลาง

การนำคลื่นที่กำลังจะหมดสัมปทานมาใช้กับ 4G จึงทำได้ยาก เพราะแถบความถี่แคบเกินไป “กสทช.” ต้องหาทางออกโดยการเจรจากับ “ดีแทค” เพื่อขอแบ่งหรือย้ายแถบคลื่น หากไม่สำเร็จ คลื่นที่ “ดีพีซี-ทรูมูฟ” ใช้อยู่คงต้องนำมาใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะไปก่อน จนกว่า “ดีแทค” จะหมดสัมปทานในปี 2562 จึงจัดระเบียบคลื่นใหม่ โดยอาจนำไปใช้บริการโมบายบรอดแบนด์เพื่อสถานศึกษา หรืองานป้องกันสาธารณภัย

“โดยส่วนตัวมีนโยบายอยากให้บริการ 4G บนคลื่น 1800 MHz และ 2300 MHz ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐ เพราะคลื่น 2300 MHz ทีโอทีถือครองสิทธิ์ใช้เกือบทั้งหมด แต่มีการใช้จริงน้อยมาก กสทช.จึงต้องหาทางนำคลื่นนี้กลับคืนมาจัดระเบียบใหม่ให้ได้”

ขณะที่แผนการจัดการคลื่น 1800 MHz หลังหมดสัมปทาน อาทิ การกำหนดกระบวนการโอนย้ายลูกค้า การออกใบอนุญาตชั่วคราวให้ผู้ให้บริการหลังหมดสัมปทานเพื่อไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบระหว่างโอนลูกค้า “เศรษฐพงค์” ย้ำว่าจะเร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน เม.ย.นี้ โดยตั้งเป้าจะนำคลื่น 1800 MHz และ 2300 MHz เปิดประมูลเพื่อให้บริการ 4G ภายในปี 2557 หลังการประมูลใบอนุญาต 2100 MHz เพื่อนำไปบริการ 3G

ฟากบิ๊ก “เอไอเอส” กล่าวว่า มีแผนรับมือหลังดีพีซีหมดสัมปทานแล้ว แต่ต้องรอความชัดเจนเรื่องการใช้คลื่นจาก กสทช.ก่อน

“ดีแทคสมัยคุณทอเร่เป็นซีอีโอ เขายินดีแชร์คลื่นเพื่อให้แถบความถี่ 1800 MHz พอให้บริการด้วยเทคโนโลยีอื่นได้ แต่ กสทช.ต้องมีเงื่อนไขตกลงกับเขาให้ชัดเจนว่า จะให้เขาจบสัมปทานก่อนหมดเวลาได้แค่ไหน ซึ่งผมไม่ทราบว่าซีอีโอใหม่จะยังเห็นด้วยกับไอเดียนี้หรือไม่ ถ้าคลื่นมีมากพอนำไปจัดสรรใช้เทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งได้ก็ยินดีเข้าประมูลใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่นั้น จะในนาม

ดีพีซี เอไอเอส หรือบริษัทอื่น ๆ ต้องรอความชัดเจนว่า กสทช.จะเอาอย่างไร”

ถ้าไม่สามารถเพิ่มแถบความถี่ให้กว้างกว่านี้ได้ กสทช.จะนำไปใช้เพื่อกิจการสาธารณะ “เอไอเอส” ก็ยินดีเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกรูปแบบ กรณีการทดสอบบริการ 4G ก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แค่ได้มีส่วนในเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ได้ทำก่อนก็ได้เรียนรู้ก่อน

“ถ้าไม่มีคลื่นมาให้ดีพีซีทำธุรกิจก็เลิกบริษัทไป หรือจะไปรับจ้างติดตั้งอุปกรณ์ สร้างโครงข่าย ตอนนี้งานของดีพีซีส่วนใหญ่ก็รับจ้างจากเอไอเอสอยู่แล้ว ส่วนจะทำอย่างไรกับโครงข่ายเดิมต้องดูความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้คลื่นเดิมเช่นกัน เพราะอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่โอนไปต้องใช้คลื่นความถี่ จึงยังไม่ได้ยื่นข้อเสนอขอซื้อโครงข่ายคืนจาก กสทฯ ส่วนลูกค้าก็มีอยู่หลักหมื่นราย หากต้องย้ายก็ทำได้ไม่ยาก” บิ๊กเอไอเอสอธิบาย

[ที่มา www.prachachat.net]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น