
กลุ่มซีดีจี เดินตามรอยนโยบายสมาร์ทไทยแลนด์ เจาะโครงการไอทีภาครัฐ เตรียมพร้อมธุรกิจ ดึงคนรุ่นใหม่เสริมรับมือเออีซี นำโครงการฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร -การทะเบียนประวัติอาญชากรรม ปัดฝุ่นจับมือพันธมิตรท้องถิ่นตะลุยตลาดเวียดนาม กัมพูชา พม่า
นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่ม บริษัทซีดีจีฯ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัทปีนี้ยังมุ่งในแนวเดิม คือ เป็นผู้ให้บริการวางระบบ ไอที กับหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ แต่จะประยุกต์เพิ่มเติมให้เข้ากับนโยบายสมาร์ทไทยแลนด์ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที โดยมองว่าโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-โกเวิร์นเมนต์ของไทยควรจะเกิดตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว แต่ด้วยเหตุที่รัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยทำให้โครงการดังกล่าวไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้รัฐมีเป้าหมายชัดเจน และยอมแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในอดีต ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะสร้างให้เกิดโอกาสกับภาคธุรกิจไอที
นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมพร้อมรับมือกับการเปิดประชาคมอาเซียน ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นโอกาสทางธุรกิจเช่นเดียวกัน โดยที่เตรียมพร้อมขณะนี้คือการลงทุนจ้างคนรุ่นใหม่ ที่มีแนวความคิดหรือไอเดียแปลกใหม่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง พร้อมกับพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยีไร้สาย ระบบรักษาความปลอดภัยบนเทคโนโลยีไร้สาย และเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยในการบังคับใช้กฎหมาย หรือไม่ก็อาจลงทุนซื้อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามา
ส่วนการขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคนั้นบริษัทจะนำโครงการการให้บริการภาครัฐสำคัญๆ ที่ประสบความสำเร็จในไทย ทั้งโครงการฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร กระทรวงมหาดไทย, โครงการทะเบียนประวัติอาญชากรรม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โครงการศูนย์ข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง และโครงการจัดทำระบบแผนที่และข้อสนเทศระบบการจำหน่ายไฟฟ้า ของการไฟฟ้านครหลวง และโครงการนำไอทีมาพัฒนางานทะเบียนรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบก พร้อมกับองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญที่บริษัทมีอยู่ ไปเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อขยายธุรกิจเข้าไป โดยประเทศที่ให้ความสนใจ คือ เวียดนาม ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มเข้าไปร่วมมือกับผู้วางระบบในเวียดนาม จัดทำโครงการในเวียดนามแล้ว นอกจากนี้ยังสนใจประเทศพม่า ที่เริ่มเปิดประเทศ และกัมพูชา ที่มีงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก
พร้อมกันนี้บริษัทได้ประกาศปรับโฉมแบรนด์ซีดีจีเพื่อสะท้อนความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัทในรอบ 4 ปี โดยแบรนด์ใหม่จะมีความทันสมัยและคล่องตัวในการให้บริการลูกค้ามากขึ้นภายใต้ความเป็นมืออาชีพด้านการให้บริการไอซีทีครบวงจร นอกจากนี้ยังมีวิสัยทัศน์ต้องการเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก 1 ใน 10 ของภูมิภาคอาเซียนด้วย ทั้งในแง่ของการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการบูรณาการสารสนเทศทุกภาคส่วนให้เกิดความมั่งคั่งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน
“สำหรับการลงทุนไอทีภาครัฐปีนี้ คาดว่าตัวเลขการลงทุนน่าจะลดลง เนื่องจากหลายโครงการถูกตัดงบประมาณ หรือชะลอโครงการออกไป ภายหลังเกิดปัญหาน้ำท่วม อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าในปีนี้จะเติบโตขึ้นประมาณ 10% จากรายได้เฉลี่ยปีละ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่มีการทยอยส่งมอบในปีนี้”
[ที่มา www.thannews.th.com]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น