“เอทีซีไอ” ย้ำคอนเทนท์สำคัญกว่า “ฮาร์ดแวร์” ชี้ช่องผู้ประกอบการไทยชิงโอกาสพัฒนาคอนเทนท์-แอพพลิเคชั่นรับโครงการแทบเล็ต ป.1 หนุนปรับตัวธุรกิ
นายอดิเรก ปฏิทัศน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (เอทีซีไอ) กล่าวว่า นโยบายโครงการแทบเล็ตสำหรับเด็ก ป.1 ของรัฐบาลขณะนี้เป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะได้มีส่วนร่วมพัฒนาบริการ และแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากกว่ามุ่งเน้นการแข่งขันด้านฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว
ส่วนนโยบายการจัดซื้อในรูปแบบรัฐบาลไทยกับจีนเชื่อว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นการจัดซื้อเครื่องจำนวนมาก และต้องมีผู้ผลิตที่มีศักยภาพจัดหาเครื่องจำนวนมากๆ ได้ แต่การบริการหลังการขายต่างๆ ก็ยังต้องพึ่งพาคนกลาง และผู้ค้าในท้องถิ่นเป็นหลัก
ทั้งนี้โดยเฉพาะพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่เหมาะสมสำหรับการศึกษา และการสนับสนุนคอนเทนท์ให้เป็นไปตามนโยบายการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้สื่อมัลติมีเดียของภาครัฐ รวมทั้งการสกัดการใช้อุปกรณ์ในทางที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น ใช้เล่นเกม
นอกจากนี้ยังเป็นทางรอดสำหรับผู้ประกอบการไทยอีก 5-10 ปีข้างหน้าที่จะใช้โอกาสครั้งนี้ปรับตัวเป็นผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นมากกว่าการทำตัวเป็นพนักงานขายสินค้าให้ผู้ผลิตจากต่างชาติเพียงอย่างเดียว เช่น การคอนเทนท์ต่างๆ เพื่อให้บริการผ่านคลาวด์ คอมพิวติ้ง
“ตอนนี้สำหรับ เอทีซีไอ ถือว่าไม่ได้อยู่วงในของโครงการแทบเล็ต แต่ในฐานะที่เราเป็นสมาคมก็คงจะคอยดูเรื่องของกติกามารยาทต่างๆ ที่น่าจะทำให้ถูกต้อง ขณะที่การใช้วิธีซื้อแบบรัฐบาลกับรัฐบาล หรือจีทูจี รัฐก็ต้องกำหนดระดับมาตรฐานการให้บริการ และคุณภาพของเครื่องให้ดี ส่วนจะเป็นจีทูจีหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะเครื่องจะซื้อจากที่ไหนก็ได้ถ้าเรามีมาตรฐานที่ดี” นายอดิเรก กล่าว
นายไมเคิล แมคโดนัลด์ หัวหน้าคณะผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า บริษัทได้รับเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และเอทีซีไอ ทำโครงการ “แกดเจ็ท ทู ยู 2012″ เดินสายโชว์เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ และแอพพลิเคชั่น ในมหาวิทยาลัย 10 แห่ง เพื่อแสดงนิทรรศการ และสาธิตการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ เช่น แทบเล็ต และสมาร์ทโฟน เพื่อการศึกษา
นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา สกอ. เผยว่า โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากเอกชนหลายแห่ง เช่น หัวเว่ย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด เป็นต้น เพื่อโชว์การใช้งานแอพพลิเคชั่น และประโยชน์ด้านการศึกษาผ่านแกดเจ็ทต่างๆ ให้แก่นักศึกษากลุ่มเป้าหมายกว่า 1.5 แสนคน ใน 10 มหาวิทยาลัย ด้วยรูปแบบการอบรม, การแสดงคุณสมบัติของเทคโนโลยีให้เป็นตัวอย่างสำหรับการใช้งาน
ทั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนแผนแม่บทไอซีทีของไทย ฉบับที่ 2 ที่เน้นการนำไอทีเข้ามาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ โดยจะเริ่มโรดโชว์ตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.นี้
[ที่มา www.bangkokbiznews.com]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น