
ปีใหม่ที่ผ่านมาได้อะไรเป็นของขวัญ?…เชื่อว่าในบรรดาคำตอบทั้งหลายจะต้องมีของจำพวกไอแพด, ไอโฟน หรือสมาร์ทโฟนคูลๆ ปนอยู่ไม่น้อย
เพราะการให้อุปกรณ์ไฮเทคเป็นของขวัญปีใหม่กำลังเริ่มเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในยุคที่ ” โซเชียล มีเดีย ” กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของคนใช้เทคโนโลยี
ยิ่งได้เห็นข้อมูลการเติบโตของอุปกรณ์ไฮเทคที่เป็นเครื่องมือเข้าถึงคอนเทนท์ที่ว่านี้ ยิ่งตอกย้ำว่าถ้าคนไหน หรือบ้านไหนยังไม่มีครอบครองไว้สักรายการอาจมีความเสี่ยงที่จะตกเทรนด์อยู่ไม่น้อย
ปรากฏารณ์ฮิต
ผลสำรวจฉบับล่าสุดจาก “พิว รีเสิร์ช เซ็นเตอร์” ที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ในสหรัฐพบว่า จำนวนผู้เป็นเจ้าของ “ แทบเล็ต ” และ “เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีรีดเดอร์” เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวที่ผ่านมา
หรือคิดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเดินผ่านชาวอเมริกันทุกๆ 4 คนจะพบว่าในจำนวนนี้ 1 คนจะต้องมีอุปกรณ์ที่ว่านี้อย่างน้อย 1 อย่าง
“ชาวอเมริกันเป็นเจ้าของอุปกรณ์อ่านหนังสือในรูปแบบดิจิทัลอย่างน้อย 1 อย่าง เพิ่มขึ้นกระโดดจาก 18% ในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วเป็น 29% ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา” ผลสำรวจว่า
นอกจากนี้ยังพบว่า “ชาวอเมริกันในวัยทำงานก็เป็นเจ้าของแทบเล็ตเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเช่นกัน จาก 10% เป็น 19% ภายในช่วงเวลาตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. 2554 จนถึงต้นเดือน ม.ค. 2555 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตอย่างพุ่งพรวดเช่นเดียวกับอุปกรณ์ไฮเทคประเภทอีรีดเดอร์”
“ลี เรนนี” ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตแอนด์อเมริกัน ไลฟ์ของพิว รีเสิร์ช เซ็นเตอร์ให้ความเห็นว่า ตัวเลขการเป็นเจ้าของสินค้าไอทีดังกล่าวเป็นมากกว่าแค่สถิติทั่วไป เพราะเป็นการสำรวจเกี่ยวกับการยอมรับ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ไม่เคยปรากฏว่ามีอัตราเติบโตสูงมากขนาดนี้มาก่อน
“การเติบโตที่โดดเด้งขึ้นมาของอุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิดในช่วงฤดูกาลวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ต้องบันทึกไว้เป็นเรื่องราวของตลาดซื้อขาย โดยการเปิดตัวแทบเล็ตคินเดิล ไฟร์ของอะเมซอน และแทบเล็ต นุค ซึ่งมีราคาเกือบครึ่งของไอแพด และแทบเล็ตยี่ห้ออื่นๆ ที่มีในตลาดได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการใช้แทบเล็ตเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ขณะราคาอี-รีดเดอร์ที่ถูกลงเหลือต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดการใช้งานอีรีดเดอร์เพิ่มมากขึ้น” เรนนีวิเคราะห์
คอไอทีไทยก็อินเทรนด์
อย่างไรก็ตามแม้จะยังไม่มีสถิติการเป็นเจ้าของแทบเล็ต, อีรีดเดอร์ หรือสมาร์ทโฟนที่แน่นอนในกลุ่มผู้ใช้ชาวไทย แต่ตัวเลขจากการสำรวจตลาดซื้อขายสินค้าไอทีของบริษัทวิจัยตลาด “ไอดีซี” ก็อาจพอบ่งชี้ถึงแนวโน้มบางอย่างที่ชี้ชัดว่า การตอบรับต่อกระแสสื่อใหม่ของคนไทยก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าชนชาติใดในโลก
คาดการณ์ตลาดเทคโนโลยีฉบับล่าสุดของ “ไอดีซี” ระบุว่า การใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าฮาร์ดแวร์ยังนำลิ่วเป็นที่หนึ่งในจำนวนเม็ดเงินทั้งหมดที่ใช้มากกว่า 70% โดยเฉพาะยอดขายสมาร์ทโฟน และแทบเล็ตที่คาดว่าจะเป็นดาวรุ่งมีอัตราการเติบโตสูงสุดในปีนี้ หรือคาดว่าจะมียอดขาย “สมาร์ท ดีไวส์” ที่รวมทั้งสมาร์ทโฟน และแทบเล็ตรวมกันมากกว่า 6.7 ล้านเครื่อง เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่มียอดขายสมาร์ท ดีไวส์รวมกันเพียง 4.1 ล้านเครื่อง
โดยจำแนกเป็นยอดขายสมาร์ทโฟนราว 6 ล้านเครื่อง และแทบเล็ตอีกราว 7 แสนเครื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสงครามการแข่งขันระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ โดยเฉพาะไอโอเอสของแอ๊ปเปิ้ล และแอนดรอยด์ของค่ายกูเกิลที่ทำให้เกิดนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้งานได้เพิ่มขึ้น
“แทบเล็ตในตลาดไทยแม้ดีมานด์จะมีอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนจากฝั่งของผู้ค้าที่ยังไม่มีใครบอกได้ชัดเจนว่า แต่ละแบรนด์จะให้โควตาการขายในไทยเท่าใดทำให้การคาดการณ์ข้อมูลยังทำได้ยาก แต่ที่แน่นอนคือ ความต้องการใช้ของคนไทยมีอยู่แล้ว” ไอดีซีว่า
คอนเทนท์หนุนดีไวซ์เกิด
อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจของเรื่องนี้ยังอาจมองได้จากฝั่งของ “ซัพพลาย” ซึ่งเป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการยอมรับใช้งานอุปกรณ์ไอทีดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
โดยสำนักพิมพ์ต่างๆ ต่างก็เร่งผลิตคอนเทนท์จำนวนมากใส่เข้าไปในอีบุ๊ค หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เช่นเดียวกับที่บรรดานักพัฒนาแอพพลิเคชั่น และบริษัทสื่อหลายๆ แห่งทั่วโลกต่างก็พยายามหาวิธี และเครื่องมือที่จะใช้ประโยชน์จากแทบเล็ต เช่น การท่องโลกโซเชียลฯ ได้ง่ายขึ้นจากจอแทบเล็ต
รวมถึงห้องสมุดที่ก็เริ่มปรับรูปแบบมาใช้อีบุ๊คเพื่อให้ง่ายต่อการยืมคืนหนังสือ
ดังนั้น จึงส่งผลให้ระบบนิเวศน์ของอุปกรณ์เหล่านี้เริ่มกลายเป็นสิ่งที่ประโยชน์ และมีคุณค่าที่ผู้บริโภคทั่วไปจะมีไว้ครอบครองอย่างไม่ต้องสงสัย
[ที่มา www.bangkokbiznews.com]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น