
ศธ.เคาะสเปคจัดซื้อ’แทบเล็ต’เร่งใส่หลังสูตรถึงป.3″หัวเว่ย”สนร่วมโครงการ ชี้เป็นโปรเจคใหญ่กลุ่มการศึกษาครั้งแรก เลอโนโว-เอเซอร์หวั่นสเปคทำยาก
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงโครงการ One Tablet Pc Per Child ว่า ขณะนี้เร่งเดินหน้าจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา หรือ แทบเล็ต จำนวน 900,000 เครื่อง เพื่อแจกเด็กนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 ให้ครบทั้งหมด 860,000 คน โดยจะให้เด็กได้มีเทคโนโลยีใช้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียม
ส่วนลักษณะการแจกจะเป็นการให้เด็กไปเลย และหากเป็นไปได้ เขาต้องการให้มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่บรรจุในแทบเล็ตมากกว่า 5 วิชาหลัก และมากกว่าแค่หลักสูตร ป.1 หรือใส่หลักสูตรให้ครบถึง ป.3 เพื่อให้เด็กเข้าไปเรียนรู้ล่วงหน้าได้ แต่ก็ต้องดูความสามารถของแทบเล็ตก่อนว่าจะรองรับหลักสูตรได้ทั้งหมดหรือไม่
“อายุการใช้งานของ แทบเล็ต อาจจะใช้ได้แค่ 3 ปี ดังนั้นเมื่อจะแจกให้เด็กได้ใช้ เราก็ต้องแจกให้ฟรีไปเลย ไม่ใช่การยืม เพราะเด็กต้องใช้งานได้ตลอดเวลา อยากเรียนรู้ตอนไหนก็เรียนรู้ได้เลย จึงคิดว่าในแทบเล็ตน่าจะมีอะไรที่มากกว่า 5 วิชาหลัก อย่างเช่นอาจจะใส่เพิ่ม เป็น 8 กลุ่มสาระสำหรับเด็กป.1 ถ้าหากแทบเล็ตรองรับได้ก็อยากให้เพิ่มเข้าไป เพื่อที่เด็กจะได้มีโอกาสเรียนรู้เพิ่มเติม”
เปิดทีโออาร์แทบเล็ตจัดซื้อจีทูจี
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ศธ.ได้กำหนดเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) และรายละเอียดครุภัณฑ์คุณลักษณะเฉพาะเสร็จแล้ว จากนี้ก็ให้กระทรวงการต่างประเทศติดต่อรัฐบาลจีน จัดซื้อ “จีทูจี” ตามสเปคของแทบเล็ตที่กำหนดในทีโออาร์ ซึ่งน่าจะจัดซื้อจัดจ้างได้ทันก่อนเปิดเทอมเดือน พ.ค.นี้
ส่วนรายละเอียดสเปคของแทบเล็ตต้องได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัย มอก. 1561-2548 บริภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศเฉพาะด้านความปลอดภัย (IEC 60950) ซึ่งเป็นสิ่งที่ ศธ. ให้ความสำคัญต้องไม่ระเบิดใส่เด็ก
นอกจากนี้ ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม โรงงานผลิตต้องได้มาตรฐาน มอก.9001 หรือ รหน 9001 ข้อกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของระบบ ต้องมีหน่วยประมวลผลกลางความเร็วสัญญาณนาฬิกาไม่ต่ำกว่า 1 กิกะเฮิรตซ์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบดูอัล คอร์ ขนาดเล็กกว่า 45 นาโนเมตร หน่วยความจำหลักไม่น้อยกว่า 512 เมกะไบต์ ระบบแสดงผลจอภาพขนาดไม่น้อยกว่า 7 นิ้ว หน่วยบันทึกข้อมูลภายใน ไม่น้อยกว่า 16 กิกะไบต์
ส่วนระบบปฏิบัติเป็น แอนดรอยด์ 3.2 (Honeycomb) ลินิกซ์ เคอร์เนล 2.6.36 ขึ้นไป และรองรับแอนดรอยด์ 4.0 (ice cream sandwich) ลินิกซ์ เคอร์เนล 3.0.1 ได้
ยืนยันแจกแทบเล็ตฟรีให้เด็ก
“ยืนยันว่า แทบเล็ตควรแจกให้นักเรียนเป็นสิทธิขาดเลย ไม่ต้องให้นักเรียนนำมาคืนหลังหมดปีการศึกษา ซึ่งแทบเล็ตที่จะซื้อตามสเปคราคา 2,400 บาท ถือเป็นพัสดุที่ราคาไม่แพง สมควรแจกให้เด็กไปเลย ราคาเท่านี้ใช้ 3 ปีก็กลายเป็นแค่พลาสติกแล้ว และถึงแม้การจัดซื้อเครื่องใหม่จะทำให้ต้องเสียเงินอีกกว่า 3 พันล้านบาทก็ถือเป็นเงินแค่เล็กน้อย เทียบกันแล้วซื้อเรือรบ 1 เครื่องก็ราคากว่า 3 พันล้านบาทเหมือนกัน” รมว.ศธ. กล่าว
พร้อมระบุว่า โครงการนี้ไม่ได้เข้าสู่การประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (31 ม.ค.) แต่จะพยายามผลักดันให้เข้าสู่การประชุมครม.สัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม เขากังวลว่า เปิดภาคเรียนปี 2555 เดือนพ.ค. นี้ อาจจะแจกแทบเล็ตให้นักเรียนป.1 ทุกคนไม่ได้ทัน เพราะขั้นตอนการผลิตและส่งมอบจำนวนดังกล่าวต้องใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ฉะนั้น คงต้องทยอยแจกนักเรียนตามความพร้อม
สำรวจความพร้อมโรงเรียน
ด้าน นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ศธ.กำลังสำรวจความพร้อมรองรับแทบเล็ตของสถานศึกษาในสังกัด สพฐ. สช. และสกอ.ที่จะได้รับจัดสรรเครื่องแทบเล็ต โดยคำนึงเรื่องการมีไฟฟ้ารองรับและมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปถึงสถานศึกษา เพราะลำดับการจัดสรรเครื่องจะส่งให้โรงเรียนที่พร้อมก่อน ส่วน ร.ร.ที่ยังไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าถึง หรือโรงเรียนกลุ่มสีแดงไม่มีไฟฟ้าใช้ที่มีประมาณ 200 แห่ง ต้องรอจัดสรรในลำดับถัดไป เพราะฉะนั้น จะสอดคล้องกับกรณีที่เครื่องแทบเล็ตจากจีนทยอยส่งมอบให้เช่นกัน
ส่วนการรับมอบเครื่องจากจีนนั้น รัฐบาลจีนจะส่งมอบให้ที่สนามบินของประเทศจีน และได้วางแผนว่าจะใช้เครื่องบินของการบินไทยไปรับสินค้ามา เมื่อมาถึงประเทศไทยแล้วจะใช้บริการของไปรษณีย์ไทย กระจายเครื่องแทบเล็ตไปตามสถานศึกษาต่างๆ โดย ศธ.จะตั้งคณะทำงานระดับผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการมาทำงานร่วมกับเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อดูแลเรื่องการรับมอบเครื่องและจัดส่งเครื่องให้สถานศึกษา
ส่วนเรื่องการเตรียมความพร้อมรองรับ ศธ.จะประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เร่งมือวางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไปถึงสถานศึกษาทุกแห่ง ซึ่งนโยบายอินเทอร์เน็ตตำบลของรัฐบาลที่มีเป้าหมายให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านระบบไวไฟฟรีทั่วประเทศกำหนดชัดเจนให้เริ่มดำเนินการในสถานศึกษาเป็นกลุ่มแรก เพราะฉะนั้น ศธ.ก็จะได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว
ตามแผนงานของ ศธ. แทบเล็ตจะเข้าอินเทอร์เน็ตได้ในภาคเรียนที่ 2 ส่วนภาคเรียนแรกซึ่งอยู่ในงบประมาณปี 2555 จะเป็นการจัดซื้อเครื่องก่อน นอกจากนั้น ศธ.จะจัดโครงการอบรมครูทุกชั้น ทุกวิชา ผู้บริหารสถานศึกษา และ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อเตรียมให้พร้อมสำหรับการนำแทบเล็ตรวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ มาใช้ประกอบการเรียนการสอนด้วย
หัวเว่ยสนร่วมวง
ด้าน นายไมเคิล แมคโดนัลด์ หัวหน้าคณะผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมโครงการแทบเล็ตของรัฐบาลไทยอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ที่ผู้ผลิตทุกรายต่างก็ให้ความสนใจ โดยที่ผ่านมาหัวเว่ยก็เข้าไปให้ข้อมูลและนำเสนอผลิตภัณฑ์กับรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจต่างๆ ยังต้องขึ้นกับนโยบายของรัฐบาล และตัวแทนจำหน่ายของบริษัทด้วย โดยต้องคำนึงถึงการให้บริการหลังการขาย คุณภาพของเครื่อง และราคาที่บริษัทผลิตได้
“เราไม่เคยทำโครงการในรูปแบบนี้มาก่อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเท่าที่เคยทำคือ เป็นโครงการขายแทบเล็ตพ่วงกับฟิกซ์ โอเปอเรเตอร์ ในฟิลิปปินส์ และก็มีขายเป็นล็อตใหญ่ๆ ให้ตลาดผู้ใช้ทั่วไปเท่านั้น ดังนั้นถ้าเรามีส่วนร่วมในโครงการแทบเล็ตไทยครั้งนี้ได้ก็จะถือเป็นโปรเจคแทบเล็ตขนาดใหญ่ในกลุ่มการศึกษาเป็นครั้งแรก” นายแมคโดนัลด์ กล่าว
เลอโนโวขอคุยโรงงานก่อน
นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สเปคที่รัฐบาลไทยเคาะออกมาคิดว่าทำได้ยากเพราะแค่แรมอย่างเดียวราคาก็หลักหลายร้อยบาทแล้ว ขณะนี้บริษัทแม่เองกำลังรอทิศทางที่ชัดเจน แต่หากรัฐบาลยังยืนยันงบประมาณจำนวนเท่าเดิมคงต้องลองไปคุยกับทางโรงงานเพื่อประเมินความเป็นไปได้อีกที
“เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะต้องคุยกับโรงงานเพื่อประเมินดูปริมาณ ไทม์ไลน์ และซัพพลายที่มี ที่ผ่านมาเราเองไม่เคยมีสายผลิตภัณฑ์ราคานี้มาก่อน แต่จะพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้งานแทบเล็ตกับนักเรียน ”
อย่างไรก็ตามหากเลอโนโวไม่ได้โครงการนี้คาดว่าจะไม่ส่งผลใดๆ ต่อบริษัท ด้านการบริการหลังการขายที่ไม่เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์หากไม่ใช่สินค้าของตัวเองคงไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่หากเป็นโซลูชั่นและโปรดักท์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในอนาคตจะมีมาเสนอสู่ตลาดอีกแน่
ชี้อาจต้องใช้โนเนม
นายอลงกรณ์ ตุงคะบรรหาร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า หากรัฐบาลยังยืนยันใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบจีทูจีกับรัฐบาลจีน การเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการครั้งนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตสินค้าของรัฐบาลจีนเช่นกัน โดยปัจจุบันเอเซอร์ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์พีซีที่จ้างโรงงานจีนเป็นผู้ผลิตสินค้า
อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติเบื้องต้นตามทีโออาร์มองว่าเป็นแทบเล็ตที่อาจต้องใช้แบรนด์โนเนม หรือเป็นเครื่องที่ผลิตแบบไม่มีแบรนด์ เพราะราคาต่ำหลักไม่กี่พันบาท ซึ่งปัจจุบันเอเซอร์ยังไม่เคยทำตลาดแทบเล็ตราคาระดับดังกล่าว
“คงต้องรอให้ชัดเจนว่ารัฐต้องการคุณภาพสินค้าเกรดไหน และจะเลือกใครบ้าง เพราะในจีนมีโรงงานผลิตมากกว่า 100 โรงงาน แต่สิ่งสำคัญคือ บริการหลังการขาย และอายุการใช้งานเครื่องที่ซื้อถูกมาแล้วเครื่องจะใช้งานได้นานแค่ไหน” นายอลงกรณ์ กล่าว
[ที่มา www.bangkokbiznews.com]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น