
ดอตคอมไทยเนื้อหอม กลุ่มทุนต่างชาติจ้องขนเงินลงทุน หลังเศรษฐกิจยุโรป-อเมริกาชะลอตัว “กระปุก” ขอพัฒนาธุรกิจให้บริการออนไลน์แบบยั่งยืน เมินจูบปากกองทุนเก็งกำไร ขณะที่”ทูโฮม” เลือกพิจารณาพันธมิตรเข้ามาเสริมแกร่งธุรกิจ
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าขณะนี้มีกลุ่มนักลงทุนที่เป็นกองทุนส่วนบุคคล หรือ ไพรเวต ฟันด์ สนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจ ดอตคอม ของไทยเป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งในรูปแบบการติดต่อผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หรือกองทุนต่างๆ ซึ่งที่ติดต่อผ่านทางกองทุนวรรณ เป็นการลงทุนส่วนบุคคลมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท
“เหตุผลที่นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนธุรกิจดอตคอมในไทยเพราะภาวะเศรษฐกิจในยุโรปและอเมริกามีการชะลอตัวลงไป ทำให้กองทุนส่วนบุคคลเหล่านี้สนใจเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ที่เศรษฐกิจยังมีการเติบโตอยู่”
ด้านนายปรเมศวร์ มินศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัณฑิต เซ็นเตอร์ จำกัด ในฐานะผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ กระปุกดอตคอม (www.kapook.com) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้สนใจเข้ามาซื้อ หรือ ร่วมทุนกับเว็บไซต์กระปุกดอตคอมตลอด ซึ่งบริษัทก็เปิดกว้างเจรจาพูดคุยกับทุกราย ทั้งนักลงทุนส่วนตัว กองทุน และ พาร์ตเนอร์จากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามบริษัทพยายามหลีกเลี่ยงหาผู้ลงทุนที่มีลักษณะเป็นกองทุนเก็งกำไร เนื่องจากต้องการทำธุรกิจให้บริการเว็บไซต์แบบยั่งยืน ซึ่งในปีนี้เป็นไปได้ว่าจะมีกองทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจดอตคอมในภูมิภาคนี้มากขึ้น เนื่องจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในยุโรปและอเมริกา
“เรามองว่าธุรกิจของเราไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดเงินลงทุนเยอะ เพราะมีศักยภาพสามารถแข่งขันกับคู่แข่ง โดยมีคอร์แวลูคือบุคลากรที่มีความแข็งแกร่ง สามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ให้แข่งขันกับคู่แข่งได้ อย่างไรก็ตามหากพาร์ตเนอร์ที่เข้ามาถ่ายทอดความรู้ หรือสามารถสร้างให้บริการเราแข็งแกร่งมากขึ้นก็ดี”
ส่วนทิศทางการพัฒนาบริการของกระปุกดอตคอมในปี 2555 จะมุ่งเน้นการพัฒนาบริการให้สอดคล้องกับพฤติกรรม และความต้องการของผู้ใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะพยายามพัฒนาบริการที่มีอยู่ให้ร้อยเรียงกับบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ “เฟซ บุ๊ก”
ด้านนายธีรวุธ วงษ์วิบูลย์สิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาเซียน สตาร์ เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์ ทูโฮม ดอตคอม (www.tohome.com) กล่าวว่าที่ผ่านมามีนักลงทุน และพันธมิตรต่างประเทศ สนใจเข้ามาเจรจาถือหุ้นร่วมทุนกับบริษัทมาตลอด แต่คาดว่าในปีนี้น่าจะมีกลุ่มนักลงทุนเข้ามาเจรจาขอร่วมทุนมากขึ้น เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป และอเมริกามีการชะลอตัว ทำให้กลุ่มนักลงทุนหันเข้ามาลงทุนในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอินเตอร์เน็ต หรือดอตคอมของไทย ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง มีการทำธุรกรรมการซื้อขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น อีกทั้งในปี 2558 จะมีการเปิดประชาคมอาเซียนหรือเออีซี ซึ่งต่างชาติเหล่านี้จะใช้ไทยเป็นฐานขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน
ส่วนการพิจารณาหาพันธมิตรนั้นคงเลือกพันธมิตรที่เข้ามาโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่บริษัทได้รับ ทั้งในแง่ตัวองค์กร และบริการ ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงพันธมิตรที่เข้ามาจะมาช่วยให้ธุรกิจบริษัทเติบโตได้มากน้อยเพียงใดด้วย
“ขณะนี้ธุรกิจเรายังสามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่มีพันธมิตรต่างประเทศเข้ามาร่วมทุนได้ โดยธุรกิจยังคงเติบโตต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีใครเข้ามาร่วมทุน ซึ่งสิ่งที่เรามุ่งให้ความสำคัญอยู่ตลอดเวลาคือการพัฒนาบริการใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า อย่างไรก็ตามหากมีพาร์ตเนอร์ ที่มีนวัตกรรมด้านการช็อปปิ้งออนไลน์ เข้ามาสนับสนุนก็จะช่วยให้เราสามารถให้บริการกับลูกค้าได้ดีมากขึ้น”
อย่างไรก็ตามช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจดอตคอมของไทย ได้รับความสนใจจากต่างชาติเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายน 2552 ราคูเท็น ผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่จากญี่ปุ่น ได้เข้ามาจัดตั้งบริษัท ราคูเท็น ไทยแลนด์ จำกัด เข้ามาถือหุ้น ตลาดดอท คอม ในสัดส่วน 67% ขณะที่ นายภาวุธพงษ์ วิทยภาณุ ผู้ก่อตั้งเหลือสัดส่วนหุ้นเพียง 33% เท่านั้น ขณะที่ในปี 2553 บริษัทเทนเซนต์ฯ (Tencent) ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดในจีน เข้าซื้อหุ้นบริษัท “สนุกดอทคอม (Sanook.com) อินเตอร์เน็ต พอร์ทัลรายใหญ่ของไทย จากเอ็มไอเอช ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสนุกดอทคอม และล่าสุดปี 2554 ที่ผ่านมาลีฟวิ่งโซเชียล ผู้ให้บริการออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลก ประกาศการเข้าซื้อกิจการเอ็นโซโก้ ในประเทศไทย และฟิลิปปินส์ รวมทั้ง ดีลเคเรน ซึ่งเป็นบริษัทของเอ็นโซโก้ในประเทศอินโดนีเซีย
[ที่มา www.thanonline.com]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น