Advertisment

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

“เออาร์โค้ด”แอมเวย์ นำร่อง”ดิจิทัลซีเอสอาร์”


ปีนี้จะเป็นอีกปีที่แบรนด์ต่างๆ โหมทำ”การตลาดดิจิทัล” อย่างคึกคัก เพราะปีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการตลาดดิจิทัลได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
โดยในปีนี้บรรดากูรูนักการตลาดต่างๆ มองว่าจะเกิดการขับเคี่ยวแข่งขันบนโลกออนไลน์ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน
ผลงานหนึ่งที่แสดงความโดดเด่นประเภทงาน ดิจิทัลมีเดีย ในงาน แบดอวอร์ด (B.A.D. awards) ปี 2554 โดยสมาคมผู้กำกับศิลป์บางกอก กลับไม่ใช่ ดิจิทัล แคมเปญเชิงพาณิชย์ แต่หากเป็น “ซีเอสอาร์ ดิจิทัล” แคมเปญ ในผลงานชื่อ “Flying Book เลือกความรู้ บินสู่น้อง” จากมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย (Amway One By One) โดยเอเยนซี่ โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ทั้งนี้จากผลงานสามารถคว้ารางวัล Best และ Best of the Best ประเภท Interactive & Digital Media สาขา Innovative Mobile Advertising มาครองได้สำเร็จ

นพดล ศรีเกียรติขจร ผู้กำกับฝ่ายสร้างสรรค์งานโฆษณา หน่วยอินทิเกรตเต็ด โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง เปิดเผยถึงแนวคิดของแคมเปญโฆษณาดังกล่าว ว่า เดิมทีมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย มีการบริจาคหนังสือเพื่อน้องๆ ในชนบทอยู่แล้ว แต่ทางมูลนิธิต้องการเพิ่มจำนวนและสร้างมิติใหม่ในการบริจาค แต่ปัญหาคือ การบริจาคในรูปแบบเดิม ผู้ให้ไม่มีโอกาสในการเลือกสรรหนังสือที่ตนชอบและคิดว่ามีประโยชน์ต่อน้องๆ ในชนบท อีกทั้งยังไม่ทราบว่าหนังสือที่บริจาคไปจะถึงผู้รับหรือไม่

พวกเขาจึงได้นำแนวคิด “การทำบุญ” วิถีชีวิตพื้นฐานของชาวไทยมาสร้างเรื่องราวให้เกิดขึ้น อาศัยพื้นฐานในการทำบุญปล่อยนกมาสร้างแพลตฟอร์มใหม่ในการบริจาคหนังสือ โดยใช้เทคโนโลยีเออาร์โค้ด (AR code : Augmented Reality Code) ซึ่งเป็นระบบการดาวน์โหลดโค้ดผ่านดีไวซ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟนและแทบเล็ตที่รองรับระบบภาพ 3 มิติหรือวีดิโอคอนเทนท์ ทำให้เห็นภาพในลักษณะเสมือนจริง (Virtual)

แคมเปญ Flying Book เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีสมาร์ทโฟนสามารถเลือกหรือถ่ายรูปหนังสือที่ชื่นชอบ ผ่านการดาวน์โหลด Flying Book App โดยสามารถเลือกหรือถ่ายรูปหนังสือที่ชื่นชอบแล้วส่งให้น้องๆ ได้ ซึ่งสามารถแชร์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ หลังจากนั้นสามารถดูหนังสือที่เหมือนมีชีวิต บินได้จริง ด้วยเทคโนโลยีเออาร์ ผ่านเมนู “ไลฟ์วิว” ตามสถานที่ต่างๆ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งจะมีการวางแทรคกิ้งไว้ตามเส้นทางสายหลัก นอกจากนี้ยังสามารถติดตามเส้นทางการเดินทางของหนังสือที่บริจาคได้แบบเรียลไทม์ผ่านโลเคชันเบสเซอร์วิส (Location Based Service) ในเมนู Locate My Book ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับการตรวจสอบสถานะการขนส่งไปรษณีย์ และสุดท้ายเมื่อหนังสือเดินทางถึงที่หมาย ผู้ให้จะได้รับการแจ้งเตือน (Notification) และจะมีวีดิโอที่เด็กๆ กล่าวคำขอบคุณ

“เราต้องการให้เกิดความร่วมมือระหว่างแบรนด์และผู้ให้ในลักษณะที่เป็น Co-Creation โลกวันนี้จะทำกิจกรรมซีเอสอาร์เช่นในอดีตที่ถ่ายรูปส่งสื่อคงไม่ได้ แต่เราต้องทำมากกว่านั้น ทั้งนี้แคมเปญที่เกิดขึ้น จะเป็นมิติใหม่แห่งการบริจาค มันไม่ได้บริจาคที่เป็นตัวเงิน แต่บริจาคความปรารถนามากกว่า ต้องการให้น้องๆ ในพื้นที่ห่างไกลได้รับหนังสือดีๆ และมีประโยชน์” ผู้บริหารกล่าว

แคมเปญดังกล่าวได้ซอฟท์ลอนช์มาตั้งแต่ปลายปี 2554 ที่ผ่านมาเพื่อทำการทดสอบ และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเดือน มี.ค.ที่จะถึงนี้

ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง…วัดผลเรียลไทม์
นพดล บอกอีกว่า เมื่อสื่อดิจิทัลเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นในงานโฆษณา แบรนด์ต่างๆ ล้วนใช้สื่อดิจิทัลในการทำตลาดทั้งที่เป็นแคมเปญบูรณาการหรือแคมเปญดิจิทัลเดี่ยวๆ แต่สิ่งที่ยากและท้าทายคือ “การวัดผล” ที่ปัจจุบันลูกค้าต่างวัดผลด้วยระยะเวลาที่ถี่ขึ้น บางรายวัดผลวันต่อวัน ทำให้การแก้ไขปัญหาทำได้อย่างทันท่วงที ไม่ต้องรอวัดผลเมื่อสิ้นสุดแคมเปญ

“ครีเอทีฟ” สรรหาสื่อใหม่
วิศิษฎ์ ล้ำศิริเจริญโชค ผู้กำกับฝ่ายสร้างสรรค์งานโฆษณา บอกว่า งานโฆษณาในปัจจุบันไม่ได้อยู่แค่สื่อหลักเหมือนเดิมอีกต่อไป ในอดีตผู้วางแผนสื่อจะเป็นผู้วางกรอบให้ครีเอทีฟคิดงานตามแต่ละสื่อที่กำหนดไว้ จะลงโทรทัศน์ช่องไหน บิลบอร์ดที่ไหน พริ้นต์แอดรูปแบบใด แต่ปัจจุบันงานการตลาดมีลักษณะการใช้สื่อแบบบูรณาการ การคิดงานจึงกลับกันจากในอดีต กล่าวคือ ครีเอทีฟต่างหากที่เป็นคนคิดคอนเทนท์ คิดหาพื้นที่สื่อใหม่ๆ ไม่ใช่แพลนเนอร์ (ผู้วางแผนสื่อ) เหมือนเดิม ซึ่งขณะนี้การทำงานจะมีการประชุมพร้อมกัน ทั้งครีเอทีฟ ฝ่ายดูแลลูกค้า และแพลนเนอร์ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการทำงาน

“ผมคิดว่าตอนนี้พื้นที่สื่อมันช้ากว่าที่ครีเอทีฟคิด คอนเทนท์จะเป็นตัวขยายพื้นที่สื่อให้การสื่อสารเจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างดิจิทัลเองก็ถือเป็นพื้นที่สื่อบนอากาศ” วิศิษฐ์กล่าว

“อินทิเกรตเต็ดยูนิต” …น้องใหม่เจาะดิจิทัล
ภาวิต จิตรกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า อินทิเกรตเต็ด ยูนิต เป็นหน่วยงานใหม่ของโอกิลวี่ ที่เปิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าด้านการทำดิจิทัลมาร์เกตติ้ง เพื่อสร้างความพร้อมสู่ยุคดิจิทัล มีบุคลากรที่พร้อมสรรพทุกด้าน ตั้งแต่ครีเอทีฟ ดีไซเนอร์ โปรแกรมเมอร์ นักพัฒนาคอนเทนท์ เปิดดำเนินงานมาแล้ว 6 เดือน ซึ่งเขาย้ำว่า สิ่งสำคัญในงานโฆษณามาจาก “บิ๊กไอเดีย” และมั่นใจว่าคุ้มค่ากับการลงทุน พิสูจน์ได้จากยอดขายของแบรนด์ต่างๆ อาทิ แอมเวย์ที่มียอดขายสูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ เนเจอร์กิฟโตขึ้นกว่า 20% หรือตลอด 7 ปีของไทยประกันชีวิตยอดขายสูงขึ้น 20%

[ที่มา www.bangkokbiznews.com]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น