Advertisment

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

“ไมโครซอฟท์” ใช้ ‘ดนตรี’ เข้าถึงคอนซูเมอร์


ในที่สุด “ไมโครซอฟท์” ก็ต้องเปิดเกมรุกในสนามคอนซูเมอร์อีกครั้ง หลังจากเคยโหมทำตลาดนี้มาก่อนหน้าระยะหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่บังเกิดผลสัมฤทธิ์มากนัก

ตามข้อมูลของค่าย ไมโครซอฟท์ พบว่า ปัจจุบันผู้ใช้ 9 ใน 10 เครื่อง หรือประมาณ 90% ของคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยจะคุ้นเคยและใช้งานไมโครซอฟท์ ส่วนอีก 10% ที่เหลือจะนิยมชมชอบในแบรนด์อื่น โดยสัดส่วนอยู่ในระดับนี้ราว 2-3 ปีมาแล้ว
ทว่าค่ายนี้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะนับวันกระแสความนิยมของสินค้าตระกูล “ไอ” ที่ทะยานความฮอตไม่หยุด เมื่อประกอบกับความเชื่อที่ ไมโครซอฟท์ มองว่าอีกไม่เกิน 5 ปีจากนี้ ลูกค้าคอร์ปอเรตและคอนซูเมอร์จะหลอมรวมกันจนแยกไม่ออก เนื่องจากท่านผู้บริหารทั้งหลายจะกลายเป็นผู้บริโภคในอนาคต การทำตลาดต่อไปจึงจะแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ อีกทั้งการตั้งเป้าที่จะสร้างการเติบโตในปีนี้ให้ได้อีก 10% ทำให้ไมโครซอฟท์จำต้องเริ่มเจาะตลาดคอนซูเมอร์วันนี้
“ท้าทาย แต่มั่นใจพอสมควร ทุกวันนี้หนักทุกคน และถ้าเราอยากทำให้ธุรกิจเติบโต สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ การเจาะตลาดและมีสินค้าคอนซูเมอร์สู่ตลาดมากขึ้น” พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
การกลับมาโฟกัสตลาดคอนซูเมอร์มากขึ้นของไมโครซอฟท์รอบนี้ หากมองชั้นเชิงทางการตลาดแล้ว ต้องยอมรับว่าแตกต่างและเข้มข้นจากคราวที่แล้วสิ้นเชิง
ครั้งนี้ไมโครซอฟท์เลือกที่จะใช้ดนตรี (Music Marketing) เป็นเครื่องมือสื่อสารการตลาด เพราะมองว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชอบ และน่าจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 18-26 ปี โดยในประเทศไทยเลือกใช้เพลง second chance จากวงซิงกูลาร์ เป็นเพลงธีมของแคมเปญ “ไมโครซอฟท์ เกรท ไทม์ ทูเกตเธอร์”
อีกทั้งยังทำการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ วิทยุ นิตยสาร สิ่งพิมพ์ ภาพยนตร์ และสื่อดิจิตอล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปีของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เลยทีเดียว
เกรท ไทม์ ทูเกตเธอร์ เป็นแคมเปญที่ใช้ใน 35 ประเทศทั่วโลก โดยมีการทำภาพยนตร์โฆษณาทั้งหมด 7 เรื่อง ส่วนประเทศไทยเลือกเปิดตัวโฆษณา 2 เรื่อง ที่ให้เหมาะกับผู้บริโภคคนไทย ได้แก่ Dog.ppt และ Baby เนื้อหาต้องการสื่อสารถึงคุณค่าของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นวินโดวส์ 7 และไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 2010 ที่ทุกคนคุ้นเคย ใช้งานง่าย และสามารถจะนำมาสร้างสีสันและประโยชน์ให้กับชีวิตได้ทุกด้าน
ภายใต้แคมเปญนี้ เฉพาะภาพยนตร์โฆษณา ไมโครซอฟท์ใช้งบประมาณสูงถึง 30 ล้านบาท แถมยังมีแผนจะปล่อยกิจกรรมและแคมเปญพิเศษต่างๆ ตามมาเป็นระยะ เช่น การดาวน์โหลดริงโทน เพลงธีม และแอปพลิเคชั่นสร้างมิวสิกวิดีโอวงซิงกูลาร์ในแบบฉบับของตนเอง เป็นต้น
ไมโครซอฟท์คาดหวังว่า แคมเปญนี้ นอกจากจะช่วยขยายฐานกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ให้กว้างขึ้นแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มความเข้าใจในเทคโนโลยีและเพิ่มการใช้งานมากขึ้นด้วย
จากนั้นสเตปถัดไป ค่ายนี้ก็มีแผนจะพาเหรดสินค้าคอนซูเมอร์ เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง และเอ็กซ์บ็อกซ์ สู่ตลาดเมืองไทย เช่นเดียวกับที่ต่างประเทศวางตลาดและได้รับความนิยมกันไปเรียบร้อยแล้ว
นี่เป็นเพียงหมัดฮุกแรกที่ไมโครซอฟท์ปล่อยออกมาเขย่าวงการเท่านั้น เพราะหลังจากนี้ ผู้บริหารแย้มว่ายังเตรียมหมัดเด็ดไว้อีกทั้งปี หากดูเฉพาะงบประมาณที่ว่ากันว่าสูงเหยียบ 100 ล้านบาท ก็บอกได้เลยว่า งานนี้ไมโครซอฟท์จัดหนัก จัดเต็มแน่ คู่แข่งถอยไป

[ที่มา www.manager.co.th]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น