Advertisment

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

‘ซีดีจี’ปรับแบรนด์ใหม่บุกตลาดอาเซียน

ซีดีจี ขานรับนโยบายสมาร์ทไทยแลนด์-เปิดเสรีเศรษฐกิจอาเซียนปรับโฉมแบรนด์ใหม่เน้นความคล่องตัว ฟาก”ไอซีที”เตรียมดัน “นครนายก” นำร่องสมาร์ท ซิตี้
นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ซีดีจี กล่าวว่า บริษัทประกาศปรับโฉมแบรนด์ ซีดีจี เพื่อสะท้อนความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัทในรอบ 4 ปี และให้สอดคล้องกับนโยบายสมาร์ท ไทยแลนด์ของภาครัฐ เพื่อรับมือกับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 2558

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เป็นไปตามพันธกิจหลัก 5 อย่างคือ ให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ ทำงานอย่างฉลาด สร้างนวัตกรรมและคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ รวมทั้งทำให้ลูกค้าพึงพอใจกับบริการของบริษัท โดยตั้งเป้าเป็นองค์กรระดับสากลที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ

“หลังจากเปิดเสรีอาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากประชากรที่ไม่ได้มีแค่ 70 ล้านคนในไทยแล้ว แต่จะเพิ่มจำนวนเป็นหลัก 600 ล้านคน และจำนวนนี้ยังเป็นธุรกิจอีกนับล้านๆ ธุรกิจ ทำให้เราจำเป็นต้องเร่งเตรียมพร้อม โดยการปรับปรุงองค์กรให้แข็งแกร่งตั้งแต่วิธีการทำงาน และเทคโนโลยีที่ให้บริการ สร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่าพึ่งพาเราได้” นายนาถ กล่าว

พร้อมกับเผยว่า การปรับโลโก้ที่ใช้มากว่า 4 ปี จะให้น้ำหนักกับคำว่า “The Power of Wisdom” ซึ่งจะเป็นการให้ความสำคัญกับการพัฒนาปัญญา และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบริษัท

นอกจากนี้เขาระบุว่า ซีดีจียังเตรียมพร้อมองค์กรให้มีความรู้ด้านกฎเกณฑ์ทางการค้า มาตรการทางภาษี และการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดที่รอบคอบมากขึ้น

รวมทั้งการพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่จะเน้นการพัฒนา “คลาวด์ เซอร์วิส” ซึ่งเป็นกระแสของเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจไอซีทียุคนี้ และยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาในภาคเอกชนที่สนับสนุนให้เกิด “สมาร์ท ไทยแลนด์” ตามนโยบายของรัฐบาล

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ปีล่าสุด การแข่งขันด้านไอซีทีไทยหล่นลงอยู่อันดับที่ 59 ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ถดถอยต่อเนื่องมาตั้งแต่หลังการเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร

อย่างไรก็ตามไอซีทีเชื่อว่า นโยบายสมาร์ท ไทยแลนด์ที่รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศดีขึ้นเรื่อยๆ โดยช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้ ไอซีทีเตรียมเปิดตัวแผนผลักดันให้จังหวัดนครนายกเป็นเมืองนำร่อง “สมาร์ท ซิตี้” ตามนโยบายสมาร์ท ไทยแลนด์ที่กำหนดทำให้ได้ภายใน 4 ปี (2558) เนื่องจากเป็นจังหวัดที่พร้อมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีพื้นความความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นอย่างดี ประกอบกับเป็นจังหวัดที่พร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทั้งเป็นจังหวัดที่ทดสอบอุปสรรคของภูมิประเทศได้ด้วย

ทั้งนี้ เตรียมลงนามความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานภายใต้กำกับไม่เกินเดือน ก.พ.นี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนจากกองทุนของ กสทช. ที่กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนสำหรับการพัฒนาบริการเพื่อประโยชน์ประชาชนอยู่แล้ว

[ที่มา www.bangkokbiznews.com]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น