Advertisment

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เอเซอร์เขย่าโครงสร้างจองเบอร์ 1 ไอที


“เอเซอร์” ปรับโครงสร้างใหม่แบ่ง 4 กลุ่มธุรกิจ รับมือตลาดเปลี่ยน-เทคโนโลยีหมุนเร็ว เตรียมนำบริการคลาวด์ สตอเรจ รับกระแสคลาวด์องค์กรฮิต

นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เอเซอร์ ปรับโครงสร้างการทำตลาดใหม่แบ่งธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. โมบิลิตี้ 2. คอมเมอร์เชียล 3. เดสก์ทอปและอุปกรณ์ต่อพ่วง และ 4. การให้บริการ โดยมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปี 2555

“เชื่อว่าจะตอบสนองลูกค้าได้ดี และรวดเร็วมากขึ้น เหมาะกับการสภาพของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”

เขาเผยว่า กลยุทธ์ปีนี้มาในคอนเซปต์ “Global Trust Local Touch” บุกตลาดด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี ดีไซน์ และโซลูชั่นที่ครบวงจร ทั้งเตรียมนำผลิตภัณฑ์กลุ่มอีดีซี หรือคลาวด์ สตอเรจ เข้ามาทำตลาดรองรับเทรนด์เทคโนโลยี คลาวด์ คอมพิวติง บิ๊ก ดาต้า และเวอร์ชวลไลเซชั่น เติบโตสูงในตลาดองค์กร ปัจจุบันมีลูกค้าประเภทองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทยแล้ว 3-4 ราย

นอกจากนี้ บริษัทหวังสร้างความต่างด้านการบริการโดยวางแผนไว้ว่าจะเปิดศูนย์ให้บริการบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำและไอทีอีก 7 แห่ง จากปัจจุบันมี 150 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกับใช้ยุทธ์ศาสตร์ด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนเพื่อพัฒนาการบริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

“เราไม่ได้มองแค่เรื่องฮาร์ดแวร์ แต่ให้ความสำคัญกับโซลูชั่นและอีโคซิสเต็มส์ที่เกี่ยวเนื่องกัน เชื่อว่ากลยุทธ์ที่วางไว้จะรับมือการแข่งขันที่เข้มข้นในปีนี้ได้แน่นอน”

ขณะที่ตลาดแทบเล็ตมองโอกาสในระบบปฏิบัติการวินโดว์สมากกว่าแอนดรอยด์ที่แข่งขันสูงมาก แต่จะยังคงทำตลาดต่อเนื่องต่อไป คาดว่าเมื่อวินโดว์ส 8 มาเมื่อไรทั้งไมโครซอฟท์ อินเทล และเอเซอร์จะมีโอกาสมากขึ้น ส่วนสมาร์ทโฟนโฟกัสตามตัวโปรดักท์ ซึ่งเอเซอร์มีจุดยืนที่ความเป็นมัลติเพิล ดีไวซ์ เจาะกลุ่มคนรักเทคโนโลยีไม่ไปแข่งกับรายใหญ่ที่เป็นผู้นำตลาดอยู่ก่อน

“เราเชื่อว่าด้านโปรดักท์เราทำได้ดีอยู่แล้ว ปีที่ผ่านมาได้เห็นปัญหาแล้วว่าการเพิ่มยอดขายไม่ใช่แค่โปรดักท์อย่างเดียว แต่ต้องมีช่องทางและทีมงานขายที่แข็งแกร่งสามารถรับมือกับผู้ใช้งาน เราเองจะเลือกใช้ช่องทางที่แข็งแกร่ง เช่น ไอทีซิตี้ ทีจีโฟน หรือเจมาร์ท เป็นผู้ทำตลาดให้ ภายในไตรมาสที่ 2-3 จะนำแอนดรอยด์รุ่นใหม่ล่าสุด เวอร์ชั่น 4.0 โค้ดเนมไอศกรีม แซนด์วิช เข้ามาในไทย”

ทั้งนี้ เอเซอร์คาดว่า ปี 2555 ตลาดรวมโน้ตบุ๊คจะเติบโต 15-20% เดสก์ทอป 10% ขณะที่ไอดีซีคาดว่าทั่วโลกตลาดพีซีจะโตเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือราว 10% ขณะที่ประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตระหว่าง 7-10% มียอดจำหน่ายประมาณ 4.1 ล้านเครื่อง

อย่างไรก็ตาม ปี 2554 รายได้รวมเอเซอร์เติบโต 10% พลาดจากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 20% เหตุเพราะสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง หากแบ่งตามกลุ่มสินค้า โน้ตบุ๊ค และเน็ตบุ๊คเติบโต 20% เดสก์ท็อป 9% แอลซีดี มอนิเตอร์ 5% และโปรเจ็คเตอร์ 5% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าว่ากลุ่มโน้ตบุ๊คจะเติบโตขึ้นอีก 30% เดสก์ทอปและจอแอลซีดีอย่างละ 15% โปรเจ็คเตอร์ 30% รายได้รวมหวังไว้ที่ 25% เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมไอทีประเทศไทย

นายหยางระบุด้วยว่า ปัจจัยที่น่ากังวลมากที่สุดในปีนี้ คือ เรื่องการเมืองที่ไม่แน่นอน ส่วนข่าวว่าจะมีน้ำท่วมอีกครั้งหวังว่าหากเกิดขึ้นจริงจะไม่เลวร้ายเหมือนเดิม เพราะรัฐบาลไทยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว

[ที่มา www.bangkokbiznews.com]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น